ฟิสิกส์ 1 (2)


1.2 การวัดและการบันทึกผลการวัดปริมาณทางฟิสิกส์



         ระบบหน่วยระหว่างชาติ (SI)
เป็นระบบเพื่อให้การใช้หน่วยเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกโดยเฉพาะในวงการวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วยหน่วยฐาน และหน่วยอนุพันธ์ดังตารางต่อไปนี้

หน่วยฐาน



         หน่วยอนุพันธ์
เป็นหน่วยที่ประกอบด้วยหน่วยฐาน เช่น แรงคือผลคูณของมวลกับความเร่งจึงมีหน่วยเป็นกิโลกรัมเมตรต่อวินาทียกกำลังสอง หรือใช้ชื่อว่า นิวตัน งานคือผลคูณระหว่างแรงกับระยะทางจึงมีหน่วยเป็นนิวตันเมตรหรือเรียกอีกอย่างว่าจูล เป็นต้น
นอกจากนี้ระบบ SI ยังได้กำหนดคำนำหน้าหน่วย หรือคำอุปสรรคเพื่อให้หน่วยที่ใช้เล็กลงหรือใหญ่ขึ้นมีผลให้เขียนปริมาณที่มีค่ามากๆหรือค่าน้อยได้กระทัดรัดเกิดความสะดวกและรวดเร็วคำนำหน้าหน่วย หรือคำอุปสรรคที่ถูกใช้บ่อยแสดงดังตารางต่อไปนี้

คำอุปสรรคที่ใช้แทนตัวพหุคูณ


สัญกรณ์ทางวิทยาศาสตร์
บางครั้งปริมาณทางฟิสิกส์อาจจะมีค่ามากหรือค่าน้อยกว่า 1 มากๆปริมาณเลขหลายตัวจะเกิดความยุ่งยากในการนำไปใช้งานจริงจึงมีการเขียนตัวเลขในรูปแบบการคูณของเลขยกกําลังฐานสิบและมีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็ม คือ Ax10^n  โดยเรียกเลขเหล่านี้ว่าสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ เช่นอัตราเร็วแสงมีค่าเท่ากับ 300000000 เมตรต่อวินาที สามารถเขียนอยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ได้คือ 3x10^8 เมตรต่อวินาที เป็นต้น

ความไม่แน่นอนในการวัด
การวัดปริมาณต่าง ๆ ด้วยเครื่องมือวัดย่อมมีความคลาดเคลื่อน เพราะไม่ว่าเครื่องมือวัดใดก็ไม่สามารถที่จะวัดได้ละเอียดทุกช่วง  เช่นหากเราใช้ไม้บรรทัดเพื่อวัดความยาวที่ดินสอก็เหมาะสมโดยมีความละเอียดหรือหน่วยความแม่นยำในระดับมิลลิเมตร หรือถ้าจะวัดเส้นผมขนาดเล็กกว่าความละเอียดสุดของไม้บรรทัดก็จะไม่เหมาะ
ในการวัดแต่ละครั้งควรเลือกใช้เครื่องมือวัดอย่างเหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการวัดเพื่อที่จะได้ค่าจากการวัดที่มีความคลาดเคลื่อนจากค่าจริงน้อยที่สุดโดยขึ้นอยู่กับเครื่องมือวัด วิธีการใช้ ความสามารถและประสบการณ์ของผู้วัดด้วย

เลขนัยสำคัญ
คือตัวเลขที่ได้จากการวัดจำนวนเลขนัยสำคัญขึ้นกับความละเอียดของเครื่องมือที่ใช้วัดเลขนัยสำคัญมีความสำคัญต่อปริมาณที่จะต้องนำมาคำนวนในสมการ

หลักการนับจำนวนเลขนัยสำคัญ
1 ตัวเลข 1-9 เป็นเลขนัยสำคัญทุกตัว
2 เลข 0 มีวิธีการนับดังนี้
         2.1 เลข 0 ที่อยู่ด้านซ้ายมือไม่นับเป็นเลขนัยสำคัญ เช่น 001 มีเลขนัยสำคัญ 1 ตัว
         2.2 เลข 0 ที่อยู่ระหว่างตัวเลข 1-9 นับเป็นเลขนัยสำคัญ เช่น 101 มีเลขนัยสำคัญ 3 ตัว
         2.3 เลข 0 ที่อยู่หลังตัวเลขอื่นและเป็นเลขทศนิยมเป็นเลขนัยสำคัญ เช่น 0.12300 มีเลขนัยสำคัญ 5 ตัว
         2.4 เลข 0 ที่อยู่หลังตัวเลขที่เป็นจำนวนเต็มไม่เป็นเลขนัยสำคัญ เช่น 100 มีเลขนัยสำคัญ 1 ตัว โดยข้อนี้มักจะเขียนตัวเลขให้อยู่ในรูปแบบสัญกรณ์วิทยาศาสตร์เพื่อเป็นการระบุเลขนัยสำคัญให้ตรงตามเครื่องมือวัดมากขึ้น เช่น 1500 = 1.5x10^3 โดย 1500 มีเลขนัยสำคัญคือ 2 ตัว แต่ 1.5x10^3  มีเลขนัยสำคัญคือ 3 ตัว

การบันทึกผลการทดลองในการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์
เราไม่เพียงแต่ใช้ข้อมูลที่ได้จากการวัดโดยตรงเท่านั้นแต่เรายังนำข้อมูลที่ได้จากการคำนวณเพื่อไปใช้ประโยชน์อื่นต่อไปอีกการนำเอาจำนวนที่มีเลขนัยสำคัญต่างกันจากเครื่องมือวัดที่มีความละเอียดต่างกันมา บวก ลบ คูณ หาร จะได้ผลลัพธ์ที่มีเลขนัยสำคัญที่มีความละเอียดมากเกินไป จึงต้องพิจารณาเลขนัยสำคัญ ในการ บวก ลบ คูณ หาร ด้วย

การ บวก ลบ เลขนัยสำคัญ
การ บวก ลบ เลขนัยสําคัญให้ดูตัวเลขหลังจุดทศนิยมว่ามีตัวเลขกี่ตัวให้เอาตัวที่น้อยที่สุดเป็นตัวกำหนดตัวเลขหลังจุดทศนิยมของคำตอบ เช่น 2.36 + 3.3 = 5.66 โดย 2.36 มีตัวเลขหลังจุดทศนิยม 2 ตัว และ 3.3 มีตัวเลขหลังจุดทศนิยม 1 ตัว แสดงว่า คำตอบต้องมีเลขหลังจุดทศนิยมเพียงตัวเดียวเท่านั้น 2.36 + 3.3 จึงได้คำตอบเป็น 5.7 นั่นเอง

การ คูณ หาร เลขนัยสําคัญ
เมื่อตัวเลข 2 ชุดเกิดการ คูณ หาร กันให้ดูตัวเลขที่มีเลขนัยสำคัญน้อยที่สุดเป็นตัวกำหนดจำนวนตัวเลขของคำตอบ เช่น 2.36 x 3.3 = 7.788 โดย 2.36 มีเลขนัยสำคัญ 3 ตัว และ 3.3 มีเลขนัยสำคัญ 2 ตัว แสดงว่าคำตอบต้องมีเลขนัยสำคัญ เพียง 2 ตัวเท่านั้น 2.36 x 3.3 จึงมีค่า 7.8

ความคิดเห็น